ช่วงวิกฤติโควิด-19 ถือว่าเป็นช่วงที่เราต้องอยู่กับบ้านกันให้มากที่สุด แต่ว่าเมื่อเราอยู่เฉยๆนั้นก็คงจะน่าเบื่อแย่ ดั้งนั้นวันนี้เว็บ ดูหนังออนไลน์ ของเราจะมาหนังแนงซุปเปอร์ฮีโร่ อย่างเรื่อง ‘Shang-Chi and the Legend of The Ten Rings’ และเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวลแล้วนั้นเราก็ต้องมาดูกันล่ะว่าซูเปอร์ฮีโรชาวเอเซียคนแรกในประวัติศาสตร์นี้หนังมาร์เวลจะเรียกศรัทธาจากแฟนฮีโรได้มากแค่ไหน ก่อนไปดูเรามาดูรีวิวหนังเรื่องนี้กันก่อนเลย
เรื่องราวคร่าวๆของ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings
เหวินหวู่ (เหลียงเฉาเหว่ย) จอมพลผู้ครองวงแหวนอำนาจทั้งสิบได้แผ่ขยายอำนาจของตนออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาลในฐานะขุนพลไร้พ่ายและอำนาจของวงแหวนยังเหมือนเป็นยาอายุวัฒนะที่ทำให้เขาไม่มีวันชราและดูหนุ่มตลอดเวลา และไม่แก่ไปตามกาลเวลา เหวินหวู่ได้ยินเรื่องราวของ “ถาโหล” ดินแดนมหัศจรรย์ที่มีเหล่าสัตว์วิเศษและเวทมนตร์มากมายแต่กลับกลายเป็นหลี่ สาวเมืองถาโหลที่เขาได้มาครองใจเขาจนให้กำเนิดบุตรชายและบุตรสาวคู่หนึ่งนาม ชาง-ชี กับ เซี่ยหลิง นั่นเอง
หลังจากแม่ของพวกเขาถูกฆ่าตายโดยศัตรูของเหวินหวู่ ชาง-ชีได้หนีไปยังซานฟรานซิสโกแล้วเปลี่ยนชื่อเป็นชอว์นทำอาชีพพนักงานรับจอดรถเลี้ยงชีพคู่กับ เคที เพื่อนสาวสุดห้าวแต่เมื่อวันดีคืนดีแก๊งเท็นริงส์ของเหวินหวู่ได้ปรากฎตัวเพื่อตามเขากลับไปหาพ่อสุดอำมหิตของเขา อดีตที่ตามหลอกหลอนกำลังพาเขากลับไปยังถาโหลอีกครั้งหนึ่ง เพื่อปกป้องมันจากเหวินหวู่ที่ถูกอำนาจมืดครอบงำและอาจปลดปล่อยภัยร้ายที่อาจทำลายโลกใบนี้ได้ในพริบตา
รีวิวShang Chi จากเนื้อเรื่องที่ได้รับชม
ด้วยความยาวหนังร่วม 2 ชั่วโมง 12 นาที ก็นับว่า เดสติน แดเนียล เครตทัน (Destin Daniel Cretton) บริหารจัดการเวลาได้อย่างคุ้มค่าทีเดียวทั้งการใช้เวลาในช่วงแรกในการบอกเล่าที่มาของตำนานเท็นริงส์ (Ten Rings) หรือสิบวงแหวนมรณะกับที่มาที่ไปของเหวินหวู่และการถือกำเนิดของชาง-ชีและน้องสาว ต่อด้วยเหตุการณ์ปัจจุบันที่ชาง-ชีได้มาอยู่ซานฟรานซิสโกและแนะนำตัวละครตัวฮาของเรื่องอย่างเคที ก่อนจะเล่าตัดสลับไปยังดราม่าครอบครัวที่ทำให้พ่อและลูก ๆ ต้องกลับมาห้ำหั่นกันซึ่งก็เต็มไปด้วยฉากแฟลชแบ็กและอารมณ์ดราม่าเข้มข้นที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี
เรื่องราวให้มีความเป็นคอมเมดี้กับมุกแซวชาวเอเซียแสบ ๆ คัน ๆ ทั้งเรื่องความคาดหวังของพ่อแม่และการอวดเบ่งของกลุ่มเพื่อนซึ่งก็ได้ไปหลายฮาทีเดียวทั้งจากซื่อมู่ หลิวและอควาฟินาที่เล่นมุกกันได้เข้าขามากจนทุกซีนที่มีทั้งสองคนนี้อยู่กลายเป็นไฮไลต์ที่ทำให้หนังออกมาสนุกและไม่น่าเบื่อเลย แม้อควาฟีนาจะหมั่นขโมยซีนจนซื่อมู่ หลิวดูหม่นไปหลายซีนก็ตามแต่
การแสดงฝีมือของนักแสดงเอเชีย
อีกหนึ่งนักแสดงที่ถือเป็นไฮไลต์และถูกพูดถึงอย่างมากคือการแสดงฝีมือของนักแสดงเอเซียที่เพิ่งประเดิมงานฮอลลีวูดอย่างเหลียงเฉาเหว่ยที่ทำให้บทเหวินหวู่ดูมีมิติมีเลือดมีเนื้อมากกว่าผู้ร้ายบ้าอำนาจแบน ๆ ซึ่งเฮียเหลียงก็ยังคงฝีไม้ลายมือและละเอียดกับแอ็กติงทุกเม็ดจนสมแล้วที่นักวิจารณ์หลายๆท่านจะชื่นชมและยกย่องการแสดงของดาราระดับตำนานของฮ่องกงรายนี้ ถึงอย่างนั้น ก็รู้สึกว่าเฮียเหลียงแกแอบบดบังรัศมีพระเอกอย่างซื่อมู่ หลิวไม่น้อยเลย ซึ่งลำพังแค่เจออควาฟีนาขโมยซีนก็แทบจะทำให้พระเอกของเราดูจืดไปมากพอแล้ว
ข้อสังเกตหนึ่งที่สามารถจับได้จากฉากแอ็กชันของหนังคือมันได้รับอิทธิพลมาจากหนังจีนดัง ๆ ไม่น้อยเลยทีเดียวทั้งฉากเปิดเรื่องที่เหมือนยกหนังกำลังภายในสไตล์จางอวี้โหมวที่ดูแช่มช้อยและตื่นตาตื่นใจอย่างมากแถมยังมีฉากที่เซี่ยหลิงใช้มีดสั้นติดเชือกซ้อมฝีมือที่ทำให้นึกถึงฉากในหนัง ‘The House of Flying Daggers’ หรือ ‘จอมใจบ้านมีดบิน’ ของเฮียจางอวี้โหมวไม่น้อยเลยทีเดียว รวมไปถึงฉากโปรโมตของหนังทั้งฉากต่อสู้ในรถเมล์ที่กำลังวิ่งอยู่ก็แทบจะเป็นการคารวะ ‘The Police Story’ หรือ ‘วิ่งสู้ฟัด’ ของเฉินหลงและแน่นอนว่ามันต้องมีฉากบู๊ฉากบังคับที่มาเก๊าอย่างการปีนป่ายบนไม้ที่เราคุ้นตามาจากหนังเฉินหลงในฮอลลีวูดอย่าง ‘Rush Hour2’ ซึ่งก็ทำให้เห็นว่าทีมเขียนบทของหนังซูเปอร์ฮีโรมาร์เวลเรื่องนี้น่าจะเป็นแฟนหนังจีนตัวยงอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่ต้องบอกว่าหนังจบแล้วอย่าพึ่งรีบลุกเพราะมันมีฉากแถมทั้งในช่วงระหว่างขึ้นเอนด์เครดิตและฉากหลังเครดิต ซึ่งมันมีหน้าที่ทั้งต้อนรับสมาชิกอย่างชาง-ชีและบอกความเป็นไปของตัวละครในเรื่องนี้ ซึ่งอันที่จริงหนังยังแอบจิกกัดหนังในเอ็มซียูด้วยกันเองด้วยการปรากฎตัวของนักแสดงรับเชิญคนหนึ่งแต่เป็นใครไปดูกันในหนังเอาเองแล้วกันนะ แต่รับรองส่าคุณจะไม่ผิดหวังและสนุกไปกับเรื่องราวอย่างแน่นอน